1. สิ่งแรกที่จะต้องคำนวณ คือ ระยะทาง เส้นทางการเดินทางว่าจะต้องไปตาม ถนนเส้นใดในแต่ละช่วงเวลา ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีระยะทางสั้น แต่การจราจรติดขัด การหยุดรถ และออกตัวใหม่แต่ละครั้งจะยิ่งเพิ่มความสิ้นเปลืองน้ำมัน
2. เมื่อรู้เส้นทางแล้ว อันดับต่อมา คือ การขับขี่ ควรรักษาความเร็วรอบให้สม่ำเสมอ ที่ประมาณ 80-100 กม. / ชม.
3. คำนวณปริมาณน้ำมันและเติมให้อยู่ในอัตราที่เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องเติมเต็มถัง ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยลดน้ำหนักของตัวรถ
4. ต้องรู้จักว่ารถยนต์ที่ใช้งานอยู่นั้น เหมาะกับน้ำมันประเภทไหน สามารถใช้ค่าออกเทนเท่าไหร่ และไม่จำเป็นต้องเลือกใช้ค่าออกเทนที่สูงเกินกว่าความต้องการ
5. ลมยางเติมให้อยู่ในปริมาตรที่กำหนดไม่ให้ยางอ่อน หรือแข็งเกินไป และในการเติมน้ำมันนั้น ควรเติมในเวลาเช้าหรือช่วงที่อากาศเย็น จะทำให้ได้น้ำมันมากขึ้นกว่าเติมในช่วงที่อากาศร้อน เพราะตอนอากาศเย็นความหนาแน่นของน้ำมันจะมาก
ุ6. ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน ติดเครื่องยนต์นาน 10 วินาที กินน้ำมันมากกว่า ที่สตาร์ตรถอีกครั้ง
7. ก่อนที่จะเริ่มต้นการเดินทาง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ปรับแต่งรถดีแล้ว ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณประหยัดน้ำมัน แต่ยังตัดปัญหาในอนาคตกับเครื่องยนต์
8. หลีกเลี่ยงการใช้เกียร์ต่ำเป็นเวลานาน หรือการขับรถขึ้นเนินโดยใช้เกียร์สูง เป็นการปกป้องเครื่องยนต์ไม่ให้ร้อนเกินไป
9. อย่าออกรถโดยขับกระชากด้วยความเร็ว ควรค่อย ๆ ออกรถแล้วเพิ่มความเร็วอย่างมีสติ ก่อนหยุดรถก็ค่อย ๆ ผ่อนความเร็วลงช้า ๆ หลีกเลี่ยงการหยุดรถอย่างกะทันหัน (เว้นแต่กรณีจำเป็น)
ึ10. เมื่อรถมีความเร็วควรปิดหน้าต่างเพื่อลดแรงต้านอากาศนอกตัวรถ และใช้เครื่องปรับอากาศในรถแทน จะลดการใช้น้ำมันมากกว่า
11. ใช้ยางรถยนต์ชนิดประหยััดน้ำมัน เพราะจะช่วยลดแรงเสียดทานกับพื้นถนน
Labels:
comment closed